Thursday, October 24, 2013

สองคนเพื่อนตายลุยยุโรป-> Florence, Pisa, Italy

เย็นวันนั้นเราก็ต้องจากเวนิสด้วยความเสียดายเพื่อนั่งรถไฟเที่ยว 19:25 ไป Florence หรือ สถานี Firenze S.M. Novella คะคราวนี้จำเวลาไม่ผิดเพราะดูแล้วดูอีกให้เพื่อนช่วยดูด้วย เดี๋ยวตกรถอีก ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงนิดๆคะ 

เรามาถึงก็ค่ำแล้วสามทุ่มกว่าๆ อย่างที่บอกว่ากลยุธในการเดินทางของเราคือหาที่พักที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมาก เดินไปได้ไม่ยาก จากสถานีรถไฟเราก็เดินตามหาที่พักคะซึงแซกตัวอยู่ในตึกแถว หลงนิดหน่อยแต่ก็มาถึงได้ไม่ยากคะ เราจองห้องแบบ private room สำหรับสองคนไว้ เหมือนจะจำได้ว่าเลือกแบบมีห้องน้ำในตัวด้วย แต่พอเอา booking ให้ reception พอเค้าพาไปดูห้องเปิดเข้าไปอึ่งเลย อันนี้มัน mixed ทั้งช่ายหญิง 6 คนนิ แถมมีการบอกว่าอ๊ะสองเตียงนี้ของยู เออออไม่ได้นะจ่ายเงินสำหรับ private แล้วให้นอนแบบนี้ได้ไง ก็เริ่มโวยวายว่าจองมาเป็น private นะ เนี่ยๆเขียนอยู่ใน booking จ่ายเงินแล้วด้วย พนักงานที่พูดภาษาอังกฤษแบบ รอเรือ เยอะๆก็บอกว่า Ok ok no prroblrem no problem แล้วเค้าก็ไปยกหูโทรศัพท์คุยกะใครไม่รู้ซักพักก็พาเราเดินไป(ตอนเดินไปก็แอบกลัวเล็กๆจะพาไปไหนเนี่ย)โรงแรมข้างๆไม่ไกลกันนัก  แล้วก็พาไปดูห้อง ค่อยยังชั่วเป็นห้องแบบสองคนแต่ว่าห้องน้ำรวม ก็ยังดีกว่ามะกี้ แบบนั้นไม่เอานะน้ำตาจะไหล เจอเรื่องตื่นเต้นได้ทุกที่จริงๆ 

แพลนเที่ยวที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากคะ เราจะเดินเล่นในเมือง ไปเยี่ยมสะพานที่มีร้านทอง แล้วก็ขึ้นไปจุดชมวิว Piazzale Michelangelo แล้วตอนบ่ายเราจะไปเมืองปิซ่ากันคะ เราเก็บกระเป๋าแล้วฝากไว้ที่โรงแรมก่อน ขากลับค่อยแวะมาเอา เราก็ออกเดินเล่นหาอะไรกินคะ แวะshopping ด้วยเครื่องหนังที่นี่ราคาไม่แพงมาก
จุดแรกที่ออกจากที่พักก็เจอเลยคะ Basilica of Santa Maria Novella

เดินมาเรื่อยๆก็เจอโบสถ์ใหญ่กลางเมือง ซึ่งแถวที่รอเข้าไปดูยาวใช้ได้เลย ทั้งๆที่ยังเช้าอยู่ แต่เราต้องทำเวลาคะเลยไม่ได้เข้าตามเคย







อีกมุมแล้วกันคะสูงใช้ได้เลยทีเดียว ที่นี้ร้านเครื่องหนังเยอะคะ ทั้งกระเป๋า ถุงมือหนังมีให้เลือกเยอะเลย ราคาก็ไม่ได้แพงมากถ้าเทียบกับคุณภาพคะ บ้านเมืองที่นี่โทนสีเดียวกันหมดเลย ต่างจากเวนิสที่มีหลายสีกว่า














งานศิลปะที่ไม่ได้อยู่ใน พิพิทภัณท์ เนี่ยมันน่าดูกว่ากันเยอะเลย น้ำพุ Fountain of Neptune สร้างในปี 1563–1565







ข้างๆกันก็มีรูปปั่นเยอะไปหมด อย่างอันนี้ The Rape of Polyxena

เดินตามแผนที่ๆเก็บมาจากโรงแรมเรื่อยๆ ก็เกือบจะครบจุดสำคัญๆแล้วคะ แวะหามื้อเที่ยงกินกันก่อน ดีกว่า สอง สามวันที่ผ่านมาเรากินแต่พิซซ่า สปาเก๊ตตี้ วันนี้ก็เหมือนกันเอาให้เบื่อกันไปเลย

เต็มพลังแล้วก็เตรียมตัวเดินขึ้นเขาคะเพื่อไปจุดชมวิว บน Piazzale Michelangel






วิวข้างทางค่ะ 

วิวด้านบนค้าาา 

อีกซักรูปนะ 

ลงมาด้านล่างแล้วคะ เพราะต้องรีบเดินกลับไปเอากระเป๋า แล้วก็ไปขึ้นรถไฟไป ปิซ่ากัน หอเอน.....


จาก Florence ไป Pisa เราไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าคะ เพราะไปซื้อหน้าตู้ราคาไม่ต่างกันคะ เช็คเวลามาแล้วเราออกจาก Florence เวลาบ่ายสองกว่าๆ ถึง Pisa ก็บ่ายสามกว่าๆ จากสถานีรถไฟเราต้องนั่งบัสต่อซื้อตั๋วรถบัสได้ที่สถานีรถไฟเลยคะ (จากสถานีรถไฟ ไปหอเอนนั้นไกลมิช่ายน้อยคะ แล้วขาก็ลากไม่ไหวแล้วนั่งบัสดีกว่าคะ ต้องทำเวลา)

มาถึงแล้วมันก็ อึ่งจริงๆ น้ำตาจะไหล หอเอนปิซ่าาาาาาาาา ไม่อยากจะเชื่อ



มาตามลอยแล้วนะคะ หนีตามกาลิเลโอ อิๆ






























ทุกคนพยายามโพสต์ท่ายอดฮิต ซึ่งเราสองคนก็พยายามจนหมดแรง ไปหาไอติมกินดีก่า


ภาพสุดท้ายก่อนลาปิซ่า เราต้องขึ้นรถไฟไปโรมตอนหนึ่งทุ่ม

ตามตารางรถบัส น่าจะมาได้แล้ว ห้าโมงกว่าจะหกโมงแล้ว เราสองคนก็ใจไม่ดีถ้ารถเมล์ไม่มาจะทำยังไง ไม่เอานะ ไม่อยากตกรถอีกแล้ว เราเดินไปดูป้ายรถเมล์ทั้งสองอันที่อยู่ใกล้ๆกัน ก็ถึงเวลาที่รถต้องมาแล้ว แต่ยังไม่มาซักที คนก็ยืนรอเยอะแยะ รถเมล์น่าจะมาอยู่นะ รอซักพักเราก็เริ่มใจร้อน กลัวไปไม่ทัน หันมองหน้ากัน แท๊กซี่มะ? ขณะที่จะข้ามถนนไปเรียกแท๊กซี่รถเมล์ก็เลี้ยวมาพอดีๆใจสุดๆ

มาถึงสถานีก็ไปเอากระเป๋า มีเวลาซื้อ french fired Mc Donal ไปกินบนรถไฟชิวๆด้วย และที่หมายสุดท้ายของเราคะ ROME

Saturday, October 19, 2013

สองคนเพื่อนตายลุยยุโรป-> Milan, Venice Italy

ติดแง๊กที่สถานีรถไฟ
มาแล้วค่าา อิตาลี่ที่รอคอย ใฝ่ฝันมานานนักหนาว่าอยากจะไปเยือนประเทศนี้ ได้ฤกษ์ลุยกันซักที เมื่อมีโอกาสได้เพื่อนคนสนิทมาร่วมทาง เราก็เลยวางแผนซะเยอะเลย เรามีเวลาทั้งหมด 5 วันที่อิตาลี่ก็เลยวางแผนหลายเมืองคะ เริ่มจากลงเครืองที่ Milan แล้วนั่งรถไฟต่อไป Venice แล้วต่อด้วย Florence, Pisa และ 2 วันสุดท้าย ที่กรุงโรมก่อนที่จะบินกลับปารีสคะ การเดินทางระหว่างเมืองใน อิตาลี่เราใช้รถไฟทั้งหมดเหมือนเดิมคะ โดยจองตั๋วร่วงหน้าผ่านเว็บการรถไฟของอิตาลี่เลยคะ แอบงงชื่อเมืองเล็กๆเวลาจอง เคยเข้าไปดูถ้าเข้าไปจองล่วงหน้านานๆ อาจจะได้ถูกถึงประมาณ 9 ยูโรเลยนะคะ แต่ว่าถ้าใกล้วันเข้ามาราคาก็จะอัพขึ้นเรื่อยๆเป็น 19 จนถึง 29 ยูโรเลย เราก็เลยจองไปก่อนคะแต่ได้ที่ราคา 19 ยูโรมีบางเที่ยวที่ได้ถูกกว่านี้ แต่บางเที่ยวก็แพงกว่าขึ้นอยู่กับระยะทางด้วย ส่วนที่พักก็เริ่มขยับลงมาเป็น Hostel บ้างแล้วคะแต่ว่ายังจองเป็นแบบห้อง private ที่อยู่กันสองคน ส่วนที่โรมราคาค่อนข้างแพง จึงต้องจอง hostel แบบหอรวมผู้หญิง 6 คนคะ การเดินทางจากปารีสมาอิตาลี่เราก็นั่งเครื่องบิน Low cost EasyJet เจ้าเดิมคะ 

เมื่อเครื่องลงที่มิลานเราก็ต้องนั่งรถบัสจากสนามบินต่อเข้าไปในเมืองคะ โดยจะมีรถบัสจอดรออยู่ด้านหน้า จ่ายเงินกับคนขับ 10 ยูโรก็ขึ้นมาเลย มิลานต้อนรับเราด้วยสายฝนละฟ้ามืดครึ้ม ผิดกับที่จินตนาการไว้เลยว่าจะได้มาเห็นแสดงแดดที่อิตาลี่ เราถึงมิลานราวๆบ่ายสองคะ เพื่อรอรถไฟไปเวนิส รอบหนึ่งทุ่ม เรากะว่าแค่จะไปเที่ยวดูแค่ที่สำคัญๆไม่มิลานไม่กี่ที่ แล้วไปนอนค้างที่เวนิสเพื่อรอเที่ยวเวนิสในวันถัดไป รถบัสมาส่งเราที่สถานีรถไฟหลักของมิลานคะ แต่ด้วยฝนที่ตกหนักเราเลยติดแง็กอยู่ที่สถานีรถไฟ พอฝนเริ่มซาเราตักสินใจไปชมโบสถ์ Duomo ที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ รวมทั้ง Galleria Vittorio Emanueleด้วยคะ รถนั่งรถไฟใต้ดินไปคะ โชคดีระหว่างทางมีคนเอเชียสองคน เอาตั๋วรถไฟแบบเหมาทั้งวันให้บอกว่าจะไปเมืองอื่น แล้วไม่ได้ใช้แล้ว เราก็เลยโชคดีไปคะ ไม่เสียตังค์ด้วยความที่คิดว่ารถไฟที่จองไว้เที่ยวหนึ่งทุ่ม เราก็ยังพอมีเวลาเที่ยวเล่นในเมืองอีกนิดหน่อย ท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตกทั้งหนาวและเฉอะแฉะ เราก็เลยอยากได้รองเท้าใหม่ 




เดินกันจนเพลินห้าโมงกว่าแล้วเราก็เลยกลับมาที่สถานีรถไฟ เพื่อรอรถไฟไปเวนิส เราไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่รับฝากกระเป๋า เพื่อเช็คตั๋วรถไฟ....แล้วก็ต้องอึ่ง เมื่อเห็นเวลาตั๋วรถไฟที่จองไว้เป็น 17:35 เออออออ ซวยแล้วววจำเวลาผิดนึกว่า 19:35 ตกรถอีกแล้ววว..... เราไปติดต่อที่ counter ขายตั๋วคะว่าจะทำยังไงกับตั๋วรถที่ซื้อมาแล้วแต่ไปไม่ทัน ขึ้นรถได้เลยมั้ยหรือต้องทำอย่างไร ก็ได้ความว่าทำอะไรไม่ได้ค่ะ พลาดแล้วพลาดเลย ทำได้อย่างเดียวคือซื้อใหม่คะ ขอร้องยังไงๆก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทำได้ดีที่สุดคือหาตั๋วใหม่ให้เราที่ถูกที่สุดคะ แล้วรอบที่จะได้ไปคือสามทุ่มกว่าๆเลย ก็เลยแง่วๆ อยู่ที่สถานีรถไฟนานเลย เราก็ไปเดินหาชาญชลาแล้วก็นั่งรอรถไฟคะ แล้วก็ได้ขึ้นรถไฟจนได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วมาเค้าดูตั๋วเราแล้วก็บอกว่า ขบวนนี้ไม่ช่ายนะจ๊ะ ของยูเป็นรถไฟธรรมดา(ที่นั่งอยู่เป็นรถไฟความเร็วสูง) เดี๋ยวลงสถานีหน้านะ แล้วรอที่ชาญชลาเดิม เอิ่มมมให้มันได้อย่างนี้ซินะผิดอีกแล้ว ก็ลงมานั่งรอที่สถานีอะไรก็ไม่รู้คะ ดึกก็ดึก น่ากลัวด้วยหนาวก็หนาว

รถไฟไปเวนิส
หลังจากที่เจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีที่ brussels มา ถึงคราวอิตาลีเมืองที่ขึ้นชื่อว่าขโมยขโจรชุมยิ่งกว่ายุง ทำให้สองคนเพื่อนซี่ระวังตัวมากกกกกก เป็นพิเศษ มองซ้ายมองขวาตลอดเวลา สะกิดกันตลอดเวลาเห็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ ออกแนวจิตเล็กๆนะทริปนี้  รอรถไปก็ระแวงระวังไป จนรถไฟขบวนที่เราต้องขึ้นจริงๆมาถึงคะ เป็นรถไฟแบบว่าต่างกับเมื่อกี้ลิปลับ รถไฟธรรมดาๆ เก่าๆ


วิวจากหน้าต่างห้องพักยามเช้า ที่ฝนยังคงต 
เราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟที่เวนิชเกือบๆเที่ยงคืนคะ สถานีที่เราลงคือ Venezia Mestre เป็นสถานีที่ยังติดฝั่งแผ่นดินอยู่นะคะ สถานีสุดท้ายที่อยู่บนเกาะซื่อ Venezia S.Lucia แอบงงเล็กน้อยตอนจอง ที่พักที่เราจองไม่ได้อยู่บนเกาะคะเพราะแพงมาก ที่ถูกๆก็ไม่ใกล้สถานีเลย เกรงว่าจะเดินทางลำบาก เพราะแพลนว่าจะถึงค่ำ ก็เลยเลือกที่ใกล้สถานีละเดินไปถึงง่ายคะก็เลยเลือกฝั่งแผ่นดินแทน ซึ่งก็ถือว่ายังดีที่คิดเผื่อไว้ไม่งั้นแย่แน่ๆ ระหว่างทางที่มาฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง หวังว่าพรุ่งนี้เช้าอากาศจะเป็นใจให้เราเที่ยวเวนิส



ตื่นเช้ามาฝนก็ยังตกคะ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เราเก็บของ check out ออกจากที่พัก ไปรอขึ้นรถไฟเพื่อไปสถานี Venezia S.Lucia ถ้าอากาศดีเราคงได้เห็นวิวสวยๆตอนนั่งรถไฟข้ามเกาะ แต่ก็ได้เห็นแค่เม็ดฝน และฝ้าขาวๆที่เกาะกระจกเพราะอากาศข้างนอกคงหนาวน่าดู แอบเห็นเวนิส ลิ๊บๆอยู่โน้นแล้วคะ เราเอากระเป๋าฝากที่สถานีรถไฟ ซื้อแผนที่ (เพราะหา information center ไม่เจอที่โรงแรมก็ไม่มี map ให้) เรียบร้อยแล้วก็ออกมาด้านนอก ก็เจอคลองเลยคะ ที่เวนิสไม่มีเมโทร หรือรถเมล์นะ มีแต่เรื่อโดยสาร กับเรือแท็กซี่ สำหรับเรือโดยสารเราสามารถซื้อตั๋วเหมาทั้งวันได้ ถ้าจำไม่ผิดราวๆ 12 ยูโร มีวิ่งอยู่สองสายขึ้นลงได้เรื่อยๆ เราเดินทางวิธีนี้เป็นหลักเพราะมีเวลาไม่มาก ก็แวะลงเดินที่จุดสำคัญๆ แล้วก็นั่งเรื่อเอาคะ เราซื้อตั๋วก่อนคะแต่ยังไม่ขึ้นเรื่อที่ท่าหน้าสถานีรถไฟเพราะคนเยอะมาก เดินเล่นก่อนแล้วค่อยไปขึ้นท่าอื่นเอา

มื้อเที่ยง
แอบเสียใจที่ไม่มีแดดออกมาให้เห็นท้องฟ้ากับน้ำทะเลใสๆ ตอนเดินก็ตื่่นเต้นกับตึกรามบ้านช่องแล้วนะ ตอนนั่งเรื่อตื่นเต้นกว่า ในที่สุดก็ได้มาเวนิสจริงๆซักที เรานั่งเรือไปลง Piazza San Marco ก่อนคะ แล้วเดี๋ยวค่อยย้อนกลับมา ซึ่งระหว่างทางเราก็จะผ่าน Grand Canal ด้วย สวยดีถ่ายรูปไปเยอะเลย อ้อตอนที่ขึ้นเรือโดยสารเราพยายามเดินออกมาที่ท้ายเรือคะจะได้ถ่ายรูปได้ เพราะข้างในมันติดกระจก ของที่ระลึกส่วนใหญ่ก็จะเป็นหน้ากาก มากมายกลายแบบสวยดีคะ เดินเล่นได้ซักพักเริ่มหิวแล้วคะ มาถึงอิตาลี่ก็หนีไม่พ้นพิซซ่ากับสปาเก็ตตี้ซินะ


อิ่มแล้วก็ออกมาเดินต่อคะ ดีใจแทบกระโดด เมื่อออกมาเจอแสงแดด.......ดีใจมากถึงมากที่สุด รีบลากเพื่อนเดินกลับไป Piazza San Marco เพื่อถ่ายรูปใหม่ เพราะเมื่อกี้อึมครึ้มมาก ในที่สุดก็ได้เห็นภาพที่จินตนาการไว้ มีแดดออกมาให้เราได้เดินเล่นจนถึงค่ำ เราไม่ได้แวะเข้าไปชมอะไรทั้งนั้นคะ เพราะเท่าที่รู้มาสถานที่ส่วนใหญ่ที่ให้เข้าชม ห้ามถ่ายรูปด้านใน เราก็ทัวร์ชะโงกดูแค่ข้างนอกก็อลังการแล้วคะ  เมืองนี้มีเสน่ห์จริงๆคะ เสียดายที่มีเวลาแค่วันเดียว เพราะเราต้องเดินทางต่อไปค้างคืนที่ Florence  ที่เหลือขอลงรูปแทนแล้วกันนะ





ทัวร์ชะโงกจ้าอยู่แต่ข้างนอก






อีกฝั่งที่ต้องนั่งเรืออีกสายไป