Saturday, April 19, 2014

สองคนเพื่อนตายลุยยุโรป-> Day4: Stonehenge Salisbury UK

เข้าสู้วันที่สี่แล้วคะ เราไปสำรวจลอนดอนกันมาพอสมควรแล้ว จุดไฮไลท์สำคัญๆก็ถือว่าเก็บได้ค่อนข้างครบแล้วคะ ดังนั้นวันนี้เราจะออกไปนอกเมืองกันคะ เพื่อตามลอยหนังเรื่องหนีตามกาลิเลโอ ไปสัมผัส หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (แลดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ถามคนที่เคยไปก็บอกกันว่าไม่เห็นมีอะไร แค่กองหินตั้งๆ) นั้นก็คือ Stonehenge คะ คงไม่บอกว่ามันคืออะไรยังไง เพราะทุกคนคงรู้จักกันดี แต่จะบอกว่าเราไปยังไงคะ หลายคนอาจเลือกที่จะซื้อทัวร์ไป เดาว่าน่าจะนั่งรถโคช จากลอนดอนออกไปแวะที่เมืองBath อะไรประมาณนั้น แต่เด็กน้อยอย่างเราชอบอะไรลุ้นๆตื่นเต้นๆ ขอไปเองแล้วกันคะ 


จากที่หาข้อมูลมา วิธีไปก็ก็ไม่ยากเลยคะ นั่งรถไฟจากสถานี waterloo ปลายทางที่่เมือง Salisbury (มันอ่านว่า ซาลส์เบอรี่ ตอนแรกอ่านผิดคนขายตั๋วงงเลย เหอๆ) จากเมืองนั้นจะมีรถบัสให้บริการพาทัวร์อยู่ โดยค่ารถบัสรวมค่าเข้าแล้ว 20 ปอน์ดเลยทีเดียว พอๆกับขึ้น London Eye แถมค่ารถไฟไปกลับจาก ลอนดอนก็ประมาณ 36 ปอน์ด ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งถ้าซื้อทัวร์ก็ 60 ปอน์ด ราคาใกล้ๆกันเลย แต่เราชอบความไม่แน่นอน เลยไปเองดีกว่า อิๆ

จากที่พักมาสถานี waterloo เราดันขึ้นรถไฟผิดสายเล็กน้อยเลยต้องย้อนกลับมาคะ เราไม่ได้จองตั๋วไม่ล่วงหน้าคะ เพราะราคาไม่ต่างกัน แถมซื้อไปกลับเลยจะถูกกว่าซื้อทีละเที่ยวคะ ซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นรถไฟเลยคะ รถออก 10:45


ชาญชลาที่ Waterloo คะ เพื่อไปSalisbury
วิวข้างทาง

รถไฟถึง Salisbury ประมาณเกือบบ่ายแล้วคะ ออกมาหน้าสถานีจะมีป้ายรถโค้ชที่พาไปเที่ยว Stonehenge คะพร้อมตารางเวลาออก บ่ายโมงคะ ซื้อตั๋วกับคนขับได้เลยคะ ตั๋วรวมค่าเข้าแล้วและขากลับสามารถแวะ ปราทาส แถวนั้นได้ด้วยนะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงแล้วคะ Stonehenge   

บริเวณโดยรอบแถวนั้นก็เป็นทุ้งหญ้ากว้างๆ เป็นฟาร์มหมูบ้าง แกะบ้างประมาณนั้น

รถโค้ชจอดให้เราลงฝั่งตรงข้ามคะ เพราะประตูทางเข้าอยู่ฝั่งนั้น หยิบเครื่อง audio guide แล้วก็เดินลอดอุโมงไปก็มาโผล่งฝั้งเดียวกับกองหินแล้วคะ เค้าทำทางเดินไว้เป็นอย่างดี เพราะกั้นรั่วไว้ด้วย คือแทบไม่ได้เฉียดใกล้กองหินเลย
อุโมงค์ที่จะลอดไปคะ
วันนั้นลมแรงมากคะ หนาวก็หนาว ท้องฟ้าก็ไม่เป็นใจให้ถ่ายรูปเลย มืดเชียว
เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยคะ และเดินกลับมาแวะร้านขายของที่ระลึก


รถที่จะมารับเราเที่ยวถัดไปตอนบ่ายสองโมงครึ่งคะ นั่งกลับมาอีกหน่อยเค้าก็แวะให้เราลงไปชม castle แถวนั้นคะ เราก็ลงมาด้วยความงงๆว่า เอ๊ะแล้ว ขากลับรถจะมากี่โมงหละ แล้วรอที่เดิมมั้ย แต่มีเพื่อนลงเยอะคะ ก็ลงตามเค้าไป เป็นแก๊งเด็กนักเรียน มีคุณครูพามา เราก็เลยตามๆเค้าไป

castle นี้มีอะไรให้ดูมากกว่า กองหินอีก คะ เป็นปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขา ถึงแม่จะเหลือแต่ซากแล้ว แต่ก็มีภาพวาดประกอบให้เราจินตนาการ์ตามไปได้คะ อย่างสะพานที่เชื่อมเพื่อข้ามไปตัวปราสาทก็แอบสู้อยู่ไม่น้อยทีเดียว

เดินไปเดินมาเราก็เจอฝรั่งผู้หญิงคนนึ่งคะ สังเกตุตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าทำไมลากกระเป๋าเดินทางมาเที่ยวด้วย เค้ามาขอให้เราช่วยถ่ายรูปให้คะ
แล้วก็คุยกัน เค้าบอกว่าจริงๆแล้วมากับเพื่อนอีกคน แต่เพื่อนไม่ยอมมาเที่ยวด้วยเพราะเมื่อวานโดนขโมยล้วงกระเป๋าไปตอนไปดู changing guard ที่ Buckingham อ้าวไปดูมาเหมือนกันเลย เค้าเล่าว่าเพื่อนเข้าของหายหมดเลยๆ ไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้ว กลับไปแล้ว เค้าเสียดายที่จองทริปไว้แล้วก็เลยต้องมาคนเดียว เห็นมั้ยคะ ฝรั่งก็ตกเป็นเหยื่อนะ ไม่ใช่แค่คนเอเชีย
หลุมที่คนสมัยนั้นเค้าทำธุระกัน
ก็เป็นอันว่าได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนคะ เราเดินกลับลงมาจาก castle พร้อมกัน ขึ้นรถกลับมาในเมือง Salisbury พร้อมกัน แล้วก็แยกย้าย เค้าบอกว่าจะไป Oxford ต่อ เราก็แยกย้ายไปหาขนมกินคะ เพราะใกล้ได้เวลามื้อเย็น เราซื้อของกินไว้ไปกินบนรถไฟ แล้วก็ อ้าวเจอคนเมื่อกี้อีกแล้ว ปรากฏว่ารอขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับเรา แต่เค้าต้องลงก่อนเพื่อเปลี่ยนไปขบวนอื่น เราก็เม้าท์กันไปได้ความว่าเธอเป็นนักเรียนคะ เรียนเอกที่ สก๊อตแลนด์ แต่เป็นคนชาติอะไรก็จำไม่ได้แล้ว มาเที่ยวพักผ่อนเฉยๆ


ก็นั้นละคะ คราวๆกับ Stonehenge และเมืองเล็กๆ Salisbury  เย็นนี้เราไม่มี Twilight shoot นะ เพราะว่าเราต้องย้ายที่พักไปพักแถวๆ สถานี Old street คะแล้วมาตามต่อวันถัดไปคะ

บรรยากาศในเมืองคะ

สถานีรถไฟ Salisbury 





Friday, February 14, 2014

สองคนเพื่อนตายลุยยุโรป-> Day3: London, UK

วันที่ 3 แล้วคะ ยังคงอยู่ในลอนดอนเช่นเคย แพลนของเราวันนี้ คือ

  1. พระราชวังBuckingham ดูพิธีเปลี่ยนเวรยามทหาร
  2. Natural History Museum ก่อนไปแวะร้านเค้กร้านเดิม  Hummingbird bakery 
  3. ห้าง Harrods  
  4. แวะกินเป็ดย่างที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องไปกิน ขอชิมหน่อยเถอะว่าอร่อยสมชื่อมั้ย 
  5. สุดท้ายเป็น Twilight scene ที่ Millennium Bridge 

เติมพลังด้วยอาหารเช้าที่  Hostel ซึ่งก็มีแต่ขนมปัง นม โยเกิตร์ แล้วก็ Corn flakes เรียบร้อยเราก็พร้อมออกเดินทางคะ ดำดินเหมือนเดิม ปลายทางของเราคือสถานี green park ซึ่งอยู่ใกล้พระราชวัง Buckingham จากที่พักที่เราอยู่คือ สถานี Paddington เราต้องไปเปลี่ยนสายที่ Baker street ขึ้นสายสีเทาไป Green park.

การเดินทางที่นี่ไม่ต้องกังวลคะแต่ละสถานีมีเจ้าหน้าที่ค่อยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด ถ้าคิดไม่ออกว่าต้องไปต่อสายหรือเปลี่ยนสายที่ไหนถามเจ้าหน้าที่ได้เลยคะ ดูยิ้มแย้มกว่าที่ปารีสเยอะ รถไฟที่ลอนดอนดูดีละใหม่คะ ตอนที่เราไปบ้างสถานีก็กำลังปรับปรุง สงสัยได้งบจากการจัดโอลิมปิกรึเปล่าเดาเอา อายุรถไฟที่นี่ปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้วคะพอๆกับปารีสนั้นหละ หวังว่าปารีสคงจะปรับปรุงกับเค้าบ้างนะ




ออกจากสถานีรถไฟเราต้องเดินผ่านสวน Green park คะ

ในไกด์บุ๊คบอกเราว่าวันนี้พิธีจะเริ่มประมาณ 10 โมงเช้าคะ เราก็รีบไปสุดริดถึงที่นั้นสิบโมงพอดีแต่ไม่เห็นมีอะไรเลย เดินไปหน้าวังถึงจะเห็นเค้าเขียนว่า พิธีเริ่ม 11 โมง โอ้วมาเร็วไปตั้งหนึ่งชั่วโมง เราก็เลยไปเดินเล่นรอบๆแถวนั้น ฆ่าเวลาคะ
ด้านหน้าพระราชวังคะ
ดูกันใกล้ๆ
มีคนมารอดูเป็นเพื่อนเราเยอะเหมือนกันนะเนี่ย 


บังเอิญแอบถ่าย
เดินอ้อมมาอีกด้าน เจอขบวนทหารม้าพอดี

ใกล้เวลาพิธีเริ่มแล้วผู้คนจับจองพื้นที่ เราไปถึงก็เริ่มแน่นแล้ว ทำเลที่เราเบียดเข้าไปได้ก็พอใช้คะ ระหว่างที่ผู้คนวุนวาย เบียดเสียดหาที่กัน ตำรวจที่ขี่ม้าก็เข้ามาบอกว่า ให้ระวังคนล่วงกระเป๋านะ ระวังๆกันด้วย ฟังเกือบไม่รู้เรื่องดีว่าเค้าพูดสองรอบ



ยืนรอซักพักขบวนทหารที่ตั้งแถวมาก็เดินเข้าไปภายในวังคะ

ทหารเดินเข้าไปแล้ววว

เข้าไปแล้วทำไรกันไม่รู้มองไม่เห็นคนบังเต็มเบยย

เดินออกกันแล้วค้าา จบแล้ว
 ก็ไม่มีไรมาก ทหารเดินเข้าแล้วก็เดินออก มองอะไรไม่ค่อยเห็นก็เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร กลับไปถ่ายรูปเล่นในสวนดีกว่า 

เดินทางกันต่อคะ ที่หมายต่อไปของเราคือ Natural History Museum จาก สถานี Green Park เราก็นั่งรถไฟสายสีน้ำเงินไปลงที่สถานี South Kensington แต่ว่าตอนนี้เริ่มหิวแล้ว แวะหาอะไรกินกันก่อนคะ มาอังกฤษทั้งทีไม่ได้กิน Fish and Chip ก็คงมาไม่ถึงอังกฤษสินะ เราก็เข้าร้านมั่วๆเอาคะ ร้านไหนก็มีเมนูนี้อยู่แล้ว 
อร่อยเหมือนกันนะเนี่ย เราสั่งมาแค่จานเดียวคะกินกันสองคน คนขายคง งง ก็ต้องประหยัดเพื่อไปกินขนมคะ อิๆ 


ต่อกันด้วยของหวานคะ เดินมาไม่ไกลเราก็เจอร้านเค้กร้านประจำค่ะ แวะซื้อขนมกันก่อน 

ออกจากร้านเดินมาไม่ไกลก็เจอแล้วคะ Natural History Museum  ใหญ่โตอลังการทีเดียว พี่เลย์ แม็คเคยพามาเที่ยวคะเราเลยมาตามรอย ข้างในก็มีฟอสซิลสัตว์ต่างๆให้ดูมากมายเลยคะ ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น แล้วก็มีพวกแร่ธาตุ ให้ดูด้วย ที่สำคัญ Museum  ที่นี่เข้าฟรีคะ (Museum ในลอนดอนส่วนใหญ่เข้าฟรีคะ แต่โบสถ์เสียเงินคะ) 


เราเดินมาถึงทางเข้า แถวยาวเหมือนกันคะ แต่ก็ไหลเร็ว เค้าแค่ตรวจกระเป๋าคะ เข้ามาข้างในแล้วมีห้องต่างๆมากมาย ไม่รู้จะเริ่มจากไหนก็หยิบแผ่นที่มาดูได้คะ เค้ามีให้บริจาคด้วยนะ 1ปอน์ดคะสำหรับค่าแผนที่ 

ต่อแถวคะ



โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงใหญ่
สัญลักษณ์ของที่นี่ละคะ

แผนที่คะ หนึ่งปอน์ดแทนค่าเข้า เอามาเป็นที่ระทึก 


ชอบที่นี่คะเค้าทำแบบจำลองมาไว้ให้เราจับต้องได้ด้วย



ห้องนี้อัดแน่นมาก



ตื่นตาตื่นใจกับพิพิธภัณฑ์ที่นี่แล้วเราก็ไปแวะ shopping ให้คนอื่นที่ห้างดังอย่าง Harrods กันคะ 
จาก South Kensington นั่งรถไฟย้อนกลับไปสถานีเดียวคะ ลงที่ Knightsbridge แค่ยังไม่ออกจากสถานีเราก็รู้แล้วละคะว่ามาไม่ผิดแน่นอน เพราะได้ยินเสียงคนไทยคุยกันเต็มเบย ใช่ชัวร์ๆ


เรามาเดินเล่นดูบรรยากาศคะ สำรวจราคาให้เพื่อนๆ ที่ฝากช๊อบแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อใหม่คะ ระหว่างนั้นเราต้องหาร้านที่มี wi-fi  เพราะว่าวันนี้นัดเพื่อนไว้คะ เลยแว๊บเข้าร้าน Starbucks ที่พึ่งของเรา



ขนาดในร้านกลางกรุงลอนดอน ยังเขียนเตือนกันแบบนี้ก็ต้องระวังตัวกันไว้นะคะ อย่าเผลอค่ะ เพราะพวกมิจฉาชีพมันจ้องอยู่ตลอดเวลาเผลอเป็นเจอดี อันนี้จากประสบการณ์จะอยู่ที่ไหนก็ให้ระวังตัวไว้ดีที่สุดคะ 

เราติดต่อเพื่อนได้แล้วคะ เค้านัดให้ไปเจอที่สถานี green park ก็นั่งรถไฟสายเดิมย้อนขึ้นไปสถานีเดียวคะ เพื่อนตั้งใจจะพาไปกิน English Afternoon  tea แต่ว่าเรานัดเจอกันก็เกือบจะเย็นแล้วร้านเค้าไม่เสริฟแล้วคะ ก็เลยเปลี่ยนแผนลากเพื่อนไปกินเป็ด Four Season แทน เพื่อนบอกว่าไม่เห็นรู้จักเลย (เพื่อนเป็นฝรั่งนะ) แปลว่ามันคงดังแต่ในกลุ่มคนเอเชียสินะ อิๆ รู้สึกว่านั่งกินที่ร้านไปค่อยประทับใจเท่าไหรนะ เพราะลูกค้าเค้าเยอะคะ พอกินเสร็จก็ไซโควให้เราต้องรีบลุกออก เสียมารายาทมาก สวนรสชาตินั้นดีสมคำล้ำลือคะ น้ำราดไม่เหมือนที่บ้านเราอร่อยไปอีกแบบคะ



แยกย้ายจากเพื่อนฝรั่ง โปรแกรมสุดท้ายของเราในวันนี้ก็คือ Twilight shoot ที่ Millennium Bridge คะ เพื่อนบอกว่านั่งรถเมล์ไปได้นะ เราก็เลยไปมั่งรถเมล์คะ จำสายไม่ได้แล้ว แต่ลงที่ป้าย St. Paul Cathedral แล้วเดินตามป้ายบอกทางไปคะ ก็เจอเลย ลากันด้วยภาพโทนน้ำเงินๆ แล้วกันนะ 
ขอบอกว่าขึ้นไปถ่ายบนสะพานหนาวมากกก 


ใครนึกถึง Harry Potter บ้าง

ใต้สะพาน

บนสะพาน