Saturday, September 28, 2013

สองคนเพื่อนตายลุยยุโรป-> เมื่อ Brussels ไม่น่ารักเหมือนเคย

เครียปัญหาได้แล้ว ถึงเวลาออกเที่ยวแล้วค่ะ เนื่องจากเลื่อนทริปออกไปเป็นสามอาทิตย์ ก็เลยให้เพื่อนเลือกเอาว่าจะเที่ยวในปารีสหรือจะไปเบลเยี่ยม แล้วคำตอบที่ได้คือเบลเยี่ยม เราก็จัดให้ ไปมาแล้วนี่ก็รู้ว่าอย่างน้อยต้องไป Brussels และนอนที่ Brugge ซักคืนเพราะเมืองน่ารักมาก แม้ว่าจะเคยไปมาแค่ครั่งเดียวแต่ก็ยังพอจำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวคะไปได้เลย เราก็เลยจองตั๋วรถ ครั้งนี้เราจะไปรถบัสของ Mega Bus แล้วกลับรถไฟ  นั่งบัสจะลำบากนิดนึ่งเพราะเค้าไม่ได้มี bus station จริงจังโดยเฉพาะ Mega Bus เนี่ย แต่ดีตรงที่รถจอดใกล้ๆกับกลางเมืองเดินทางไม่ลำบากมาก 

ทริปนี้กะว่าสะบายไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะไปมาแล้ว พักก็พักที่เดิม ตอนที่เดินเที่ยวก็ไม่น่ากลัว แต่แล้วทำไม Brussels เมืองที่น่ารักด้วยเจ้าการ์ตูนติน ติน ถึงเปลี่ยนไป เดินไปทางไหนก็มีแต่พวกแขกน่ากลัวๆ แซวตลอดทาง หรือเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิงสองคนที่ทำหน้าโหดไม่พอเลยตกเป็นเป้า เพื่อนเริ่มไม่ปลื้มเมืองนี้เท่าไหร เลยตัดสินใจพาไปขึ้นรถไฟใต้ดินจะได้ไม่ต้องเจอพวกนี้ แต่ก็โดนดีจนได้ ขณะที่เรากำลังจะลงจากรถไฟ ก็มีผู้ชายมาเปียดเพื่อนเราเปียดเหมือนพยายามจะลง พอหลบให้ลงมันก็ไม่ลงจากรถ เพื่อนก็เลยเปียดลงมา พอเราทั้งคู่ออกมายืนที่ชานชลาผู้ชายคนนั้นก็มองหน้า มองแบบไม่วางตาเพื่อนเราก็มองหน้ามันแล้วก็บอกว่าไอ้คนนั้นมันเปียดแล้วก็ไม่ลง สิ่งแรกที่นึกได้แล้วถามเพื่อน มีอะไรหายรึป่าว!! เพื่อนก็สำรวจตัวเองขณะนั้นรถไฟก็ปิดประตูและออกไปแล้ว ปรากฏว่าถุงมือที่ยัดไว้ที่กระเป๋าเสื้อโค้ทหายไป โชดดีที่ iPhone อยู่ในกระเป๋าอีกข้างที่ไม่โดนเปียด ก็นับว่าโชคยังดีที่ไม่มีอะไรสำคัญหายไป เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของตัวเองที่อยู่ยุโรปมาหลายเดือนไม่ยักกะเจอ แล้วในที่สุดก็เจอจนได้ เป็นเพราะเราไว้ใจเมืองนี้มากไป ไม่ระวังตัวเองให้ดี วันนั้นเลยได้พาเพื่อนไปแค่ Grand Place เท่านั้นคะ ก่อนแวะหาอะไรกินและซื้อของมากินเล่นในห้องนิดหน่อยเราเข้าไปหมกตัวอยู่ในห้องตั้งแต่หกโมงเย็นกว่าๆ ไม่ออกไปไหนอีกเลย รอจนเช้าเราจะออกไป Brugge กันคะ (เตื่อนสาวๆที่จะไปเที่ยวตามรำพังว่าระวังตัวกันหน่อยนะคะ อย่ามัวแต่เพลิดเพลิน หรือเผลอ เพราะมิจฉาชีพมันจ้องเราอยู่ตลอดเวลา)

เช้าวันรุ่งขึ้นเรา check out แล้วจับรถไฟดิ่งไป Brugge เลยคะ ไม่ไหวจะเครียกะ Brussels ละงอล ก็ไม่วายเจอรถไฟสภาพแบบว่าไม่มีที่ให้นั่ง สาบานว่าครั้งที่แล้วมาสะบายกว่านี้นะ โหดได้อีกทริปนี้ เรากระเหลี่ยงชาวไทยสองคนต้องไปนั่งตรงทางเชื่อมระหว่างโบกี้อะคะได้ข่าวว่าก็จ่ายเงินนะทำไมไม่มีที่ให้นั่งหละ นั่งมาซักพักถึง Gent คนก็เริ่มลงแล้วคะมีที่นั่งละ เราจอง iBis Hotel ที่อยู่ใกล้กลับสถานีรถไฟที่ Bruggeไว้คะ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด จองผ่าน Booking.com คราวที่แล้วมาก็เดินเที่ยวเอา ทีแรกก็เลยรากเพื่อนไปเดินก่อนคะ เหอๆ เดินๆเที่ยวได้ซักครึ่งเมืองก็เริ่มหนาวไม่ไหว เห็นคนเค้าปั่นจักรยานกัน ก็เลยตัดสินใจกลับมาเช่าจักรยานซึ่งอยู่ใกล้กลับสถานีรถไฟ (ต้องเดินย้อนออกมาอีกนะ ฉลาดจริงๆไม่รู้จักเช่าแต่แรก) สนนราคาถ้าจำไม่ผิดรู้สึก 12 euros / 24 hrs มีมัดจำอีก 50 euros เราเป็นคนปั่นเพื่อนก็ซ้อนไป 

ก้าวแรกที่พาเพื่อนเดินเข้าไปในตัวเมือง เธอก็ตกหลุมรักก่อนอิฐของตึกรามบ้านช่องที่นี่แล้วค่ะ ถ่ายรูปกันเยอะมาก กว่าจะย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้กินเวลาพอสมควร เราก็เดินชมเมืองมาเรื่อยๆคะ จนมาหยุดเอาที่ร้านทำลูกอม เพราะคนที่สาธิตการทำนี่หละคะห้าๆ ก็เวิ้นเว้อกันไปตามประสาสาวๆ ที่ Brugge นี่ไม่มีพวกแขกขาวหน้าตามิจฉาชีพให้เห็นเท่าไหร เส่นห์ของเมืองก็อยู่ที่คลองและตึกทรงโบราณที่ยังอยู่ในสะภาพดีคะ คนนำเที่ยวอย่างเราค่อยใจชื่นขึ้นหน่อยที่ลูกทัวร์ชอบ ทริปนี้เราเน้นกินหละดูขนมหน้าตาแปลกๆคะ เพราะเพื่อนเราคนนี้เป็นเจ้าของร้านเบเกอรรี่นะ มาตามหาไอเดียทำขนม 



ปั่นจักรยานที่นี่ก็ตื่นเต้นไปอีกแบบทั้งพื้นที่เป็นแบบอิฐปู แถมเลนที่ขับกันที่โน้นเข้าชิดขวา เราก็ติดปั่นชิดซ้ายลืมตัวตลอดเวลากระเหลี่ยงของจริง โดนเพื่อนดุตั้งหลายทีเพราะเกือบโดนรถเค้าสอยเอา คนปั่นก็ไม่ได้จะรู้สึกหนาวเลยคะ ออกจะร้อนด้วยซ้ำแต่คนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังนั้นน้ำมูกไหลไปถึงไหนแล้วไม่รู้น่าสงสารจริงๆ เราปั่นเล่นทั่วเมืองจนค่ำ ก่อนจะแวะร้านอาหารที่ซุ่มเข้าเพราะความน่ารักของร้านคะ เห็นราคาอาหารก็แอบตั๊กะใจ จานเกือบยี่สิบยูโร เราเลยสั่งแค่สลัดsalmon กับจานหลักที่เป็นซี่โครงหมูแค่นั้น พนักงานคงงงกินอะไรของมัน แล้วพอมาเสริฟ โหคิดถูกคะที่สั่งแค่นั้น จานใหญ่มากกกกกก ฝรั่งกินคนเดียวหมดได้ไงนั้น

เช้าวันสุดท้ายที่ Belgium เรายังมีเวลาอยู่ที่ Brugge คะแล้วค่อยกลับเข้า Brussels บ่ายๆเพื่อแวะซื้อของฝากและขึ้นรถไฟกลับปารีสค่ะ เราได้มีโอกาสปั่นจักรยานออกไปโซนด้านนอกเมืองที่ีมีกังหันลมด้วย คราวที่แล้วไม่ได้ไป แล้วก็แวะพิพิธภัณฑ์ Chocolate คะก็เพื่อนชอบทำขนมมาถึงเบลเยี่ยมที่ขึ้นชื่อเรื่อง Chocolate แล้วก็ต้องแวะกันหน่อย ค่าเข้าชมไม่ถึง 10 ยูโร คะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แต่ก็น่ารักได้ความรู้เรื่อง Chocolate กันไป เที่ยวที่นี่ผ่านไปได้ด้วยดีคะ เดี๋ยวเราต้องกลับเข้าไปที่ Brusselsไปแวะซื้อChocolateเป็นของฝากแล้วไม่รู้จะเจออะไรอีกบ้าง ลาฺ Brugge ด้วยรูปขนมแล้วกันนะ

กลับมาที่ Brussels เกือบๆห้าโมงเย็นคะ เรามีเวลาซื้อของฝากประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็เลยจะนั่งรถเมโทรไปเอาในใจก็แอบกลัว หวังว่าคงไม่เจอขโยมคนนั้นแล้ว ขณะที่เรากำลังงมป้ายที่ชานชลาว่าจะขึั้นขบวนไหน รถไฟมาเทียบพอดีเพื่อนกำลังก้าวขึ้นเราก็พึ่งดูรู้ว่าไม่ช่ายขบวนนี้ กำลังจะดึงมือเพื่อนลงมาก็หันไปเห็นกระเป๋าสะพายที่คุ้นมากกกก พอเงยหน้ามองเจ้าของ โอ้ววววช่ายเลย ไอ้หัวขโมยคนนั้น เรากะเพื่อนกระโดดถอยออกจากรถไฟขบวนนั้นทันที แล้วยืนอึ่งที่ชานชลาพร้อมกับยืนมองหัวขโมยคนนั้นที่กำลังกวักมือเรียกเรา เอิ่มมม แรงกล้ามาก   รถไฟขบวนที่เราต้องขึ้นมาพอดียังดีที่คนละทางกับหัวขโมยนั่น 

เราซื้อของทำธุระเสร็จก็จะต้องกลับไปที่สถานีรถไฟใหญ่เพื่อรอขึ้นรถไฟกลับปารีส ขณะที่เรารอรถไฟใต้ดินอยู่ที่ชานชลา เราก็มองไปที่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ไม่น่าเชื่อหัวขโมยคนเดิมยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเรา เหมือว่ามันจะเห็นเราด้วย เราก็รอดูว่ามันจะขึ้นรถไฟขบวนไหน ขบวนแรกที่มาถึงมันก็ไม่ขึ้นยังคงเดินป่วนเปี้ยน จนขบวนที่เราต้องขึ้นมาถึงเรากับหัวขโมยนั้นอยู่คนละฝั่งกันคะแต่ขบวนรถไฟสามารถขึ้นได้ทั้งสองฝั่ง เราทำท่าขึ้นขบวนนั้นคะแล้วทันทีที่เห็นไอ้หัวขโมยนั้นขึ้นมาเราก็โดดลงก่อนประตูจะปิดแล้ววิ่งไปหลบหลังเสา คือ ณ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกคิดกันได้แค่นี้จริงๆ เราก็รอขึ้นขบวนถัดไป กะว่าถ้ามันดักอยู่สถานีหน้านี่มันจ่องเล่นเราชัวร์ แล้วก่อนรถไฟจะจอดสถานีถัดไปเราก็เห็นมันยืนรอรถอยู่คะ เราดูว่ามันจะขึ้นมาหรือไม่แล้วมันก็ขึ้นมาจริงๆ เราก็เลยโดดลงอีกรอบ วิ่งไปหลบหลังเสาเหมือนเดิม คือตอนนั้นก็พยายามหาเจ้าหน้าที่ประจำสถานีหรือคนท้องถิ่งแต่มองไปแล้วไปไม่เจอใครเลย มีแต่ท่าทางเป็นนักท่องเที่ยว กับที่ออกแนวหน้ากลัว เรากะว่าทิ้งระยะห่างซักขบวนค่อยขึ้นน่าจะไม่เจอแล้วเพราะอีกสองสถานีก็ถึงสถานีใหญ่ โชดดีที่เป็นไปตามคาดไม่เห็นหัวขโมยนั้นแล้วคะ แล้วเราก็มาถึงสถานีใหญ่อย่างปลอดภัย มิจฉาชีพพวกนี้เป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาทำให้ Brussels เสียชื่อ ทั้งๆที่คนท้องถิ่นก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แต่ถ้าเค้าไม่ดูแลไม่มีเจ้าหน้าที่ในสถานีรถไฟเลย ก็น่ากลัวไม่น้อย 

ทริปนี้สอนให้รู้ว่าเป็นผู้หญิงสองคนไปเที่ยว อย่าทำตัว่ออนหัด ทำหน้าโหดๆไว้ แต่งตัวแมนๆ เพราะทริปน่าเราจะไปลุยอิตาลีที่ขึ้นชื่อกันเรื่องขโมยคะ 



1 comment:

  1. The weblog appears very appealing. It attracted a number of humans toward its patter of writing similarly to useful records added through this blog may be very useful for maximum of its readers. อิตาลี ซื้อ อะไร ดี pantip

    ReplyDelete