หลังจากที่เราเดินทางมาเป็นเวลานานพอสมควร เราก็มาถึงโคโลนจ์ ประเทศเยอรมันนีเป็นที่เรียบร้อย กว่าจะถึงที่นี่ก็ปาไปห้าโมงกว่าแล้วคะ เราแวะที่ information center ก่อนเหมือนเคยเพื่อขอแผนที่และให้เค้าช่วยแนะนำร้าาอาหารให้ ขอแผ่นที่ๆ นี่เสียเงินด้วยคะ ประมาณ 1€ได้ ได้ข้อมูลแล้ว เราก็ตั้งใจว่าจะไปร้านน้ำหอม 4711อันเลื่องชื่อของที่นี่เป็นอันดับแรก ก่อนที่ร้านจะปิดค่ะ เราเสียเวลาในการงมแผนที่ๆได้มาอยู่นานค่ะ กว่าจะเข้าใจเพราะชื่อถนนที่เยอรมัน (หรือแค่ที่เมืองนี้) ยาวมากกกกก กว่าจะอ่านออกว่าอะไรคืออะไรก็เสียเวลาไปเยอะ เดินมาตามทางซักพักเราก็เจอจุดเสียเวลาที่สองค่ะ นั้นคือป้าย SALE สีแดงๆระลานตาเต็มไปหมด ที่นี่ยังไม่หมดช่วงsale หรือนี่ โดนดูดเข้าไปร้านนั้นที ร้านนี้ทีแต่ด้วยความที่เป้ใบใหญ่ติดหลังอยู่เลยไม่ค่อยสนุกเท่าไหร ปล่อยให้น้องอีกคนเพลิดเพลินไป ก่อนที่จะหักห้ามใจแล้วมุ่งหน้าต่อไปร้าน 4711 กันค่ะ เดินทะลุถนนสายshopping มาเราก็มาเจอแยกที่งงอีก เพราะชื่อบนป้ายถนนกับในแผนที่มันงง(เพราะมันยาวแล้วเค้าย่อค่ะเลยหาไม่เจอ)ตอนนี้เริ่มมืดแล้วค่ะ แสงเริ่มไม่มีแล้วมองไม่เห็นเข้าไปใหญ่ ยืนงมอยู่ซักพัก ก็มีคุณยายเดินเข้ามาถามเป็นภาษาอังกฤษว่าจะไปไหน เราก็บอกว่าจะไปร้าน 4 7 1 1 (four seven one one) คุญยายงงค่ะ ว่าคืออะไรเราก็อธิบายว่าร้านน้ำหอมดังๆของที่นี่ คุณยายนึกซักพักแล้วตอบมาว่า อ๋อออออ (forty-seven eleven) หนะเหรอ แป่วว เราอ่านผิดนี่เอง
แล้วคุญยายก็ชี้ทางให้เราแล้วก็บอกว่ารีบไปเร็วๆ เร่งเลยๆ เราขอบคุณแทบไม่ทันรีบวิ่งข้ามถนนมาก่อนที่สัญญาณไฟคนข้ามจะแดง (ตกลงคุญยายลุ้นว่าเราจะข้ามไม่ทันหรือร้านจะปิดกันแน่)
บรรยายกาศย่าน shopping และร้านประจำเมือง 4711 |
เรามาถึงร้านในที่สุดคะ ร้านยังไม่ปิดโชคดีมาก เข้ามาถึงก็เดินดูน้ำหอมค่ะราคาถูกมว๊ากก สิบกว่ายูโร เทียบกับน้ำหอมในปารีส ขวดละ 30-XXX ยูโรหนะ แต่มันไม่เหมือนกันก็ตรงความเข้มข้นและติดทนนาน อันนี้แป๊บเดียวก็จางแล้วค่ะ แต่ที่ประทับใจคือวิธีที่พนักงานเค้าสาทิตการใช้น้ำหอมให้ดู ในร้านจะมีก๊อกน้ำอันใหญ่ๆอยู่มีน้ำแห่งเมืองโคโลจ์นไหลออกมา เค้าก็เทสให้เราดูด้วยการเอามือแตะน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกแล้วก็ทาไปที่จุดที่จะรับกลิ่นได้ดีค่ะ จำได้แค่ว่ามี ที่คอ หน้าผาก หลังใบหู แล้วก็.... เราก็ซื้อของที่ร้านติดไม้ติดมือมาฝากเพื่อนๆที่ไทยค่ะ แล้วก็ออกจากร้านเพื่อไปหาโรงแรมที่เราจะพักคืนนี้ แล้วค่อยออกมาหามื้อเย็นทานกัน
อาหารเยอรมันอีกซักรอบ และเมืองยามมืดค่ำ |
ก็อีกเช่นเคยยังต้องงมทางแบบงงๆไปค่ะ เพราะยังไม่ชินกับซื้อถนน แม้จะเปิด street view ดูก่อนมาก็ตาม คราวนี้งงจริงๆ ก็ถามทางคนแถวนั้นมาเรื่อยๆ จนเจอค่ะ อย่างที่บอกว่าคนเยอรมันนั้น nice กว่าคนปารีสเป็นไหนๆ ขนาดคุณยายเมื่อกี้ยังพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษเลยแถมเข้ามาช่วยเราก่อน ซึ่งหาแบบนี้ไม่ได้ในปารีสหรอกค่ะ ไม่รู้ทำไม สุดท้ายเราก็เจอที่พักของเรา เก็บกระเป๋าพักร่างซักพัก เราก็ออกมาหาอะไรกินตามร้านที่ เค้าแนะนำเรามาค่ะ ก็น้องที่มาด้วยกันยังไม่เคยมา เยอรมันก็เลยพาไปจัด ขาหมูเยอรมันกับเบียร์ซักหน่อยค่ะ
เนื่องจากว่ามันผิดแผนจากที่เราวางแผนว่าจะเที่ยวในโคโลน์ตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆ ก็ทำไม่ได้ จะไปพรุ่งนี้เช้าแทนก็ไม่ทันค่ะ เราเลยต้องไปกันตอนค่ำหลังกินข้าวเสร็จแทน ทีแรกแอบคิดกันว่าเราเลื่อนตั๋วรถไฟดีมั้ย พรุ่งนี้เช้าจะได้เที่ยวที่นี่แล้วค่อยไปประเทศที่5 เนเธอร์แลนด์ แอบคิดว่าตอนที่เราตกรถไฟแล้วมาขึ้นอีกขบวนคนละเวลายังทำได้เลยๆ จะใช้มุกเดิมจะได้มั้ย (แหๆขี้โกง) แต่ไปถามเจ้าหน้าที่ดู เค้าบอกว่าตั๋วไป Amsterdam เลื่อนไม่ได้หรอก เพราะซื้อมาแบบราคาโปรโมชั่น ยังไงก็ต้องไปเวลานี้ ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทำไม่ได้ แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะ รถไฟที่เราตกเป็น intercity คือวิ่งระหว่างเมืองในเยอรมันเอง เลยไม่เป็นไร แต่รถที่จะไปเป็นรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศเลยทำแบบนั้นไม่ได้ สุดท้ายเราก็ตัดใจไม่เสี่ยงทำแบบที่คิดไว้ค่ะ เพราะฉะนั้น ต้องออกไปท่องราตรีกันแล้วว
เป็นผู้หญิงสองคนออกมาค่ำๆมืดๆ ก็ต้องระวังตัวมองซ้ายมองขวาค่ะ เพราะมันมืดและเงียบมาก ไม่ค่อยมีคน จุดไฮไลท์ที่นี่ก็เป็นโบสถ์ Cologne Cathedral ที่สูงม๊ากมากค่ะ ถอยไปไกลมากกว่าจะเก็บได้ทั้งตัวโบสถ์ แถมต้องเอียงกล้องอีก อีกที่ๆอยากไปถ่ายรูปมากคือ สะพานที่อยู่คู่กับ Cologne Cathedral เราต้องเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งแล้วถ่ายรูปกลับมาระหว่างเดินบนสะพาน Hohenzollern Bridge ก็มีกุญแจล๊อคเต็มเลยค่ะ เยอะมาก สะพานนี้ก็ยาวมากด้วย ขยันล๊อกกันทุกที่ทั่วโลกจริงๆ อยากรู้ใครเป็นคนเริ่มเนี่ย
โฮไลท์ของที่นี่เล่งอยู่นานมาก |
เราใช้เวลาคืนนั้นเก็บภาพจุดต่างๆในเมืองค่ะ ก่อนที่เช้าเราต้องลาแล้วแค่นี้คะ โคโลจ์น
No comments:
Post a Comment