Saturday, September 21, 2013

ตอนแปด: ลุยต่อที่ Cologne และ Amsterdam (part 2)

จุดหมายปลายทางต่อไปของเราคือประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ (ประเทศที่ห้าแล้วน้าา) แน่นอนว่าเราจะไปเมืองหลวงกันคะ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเสรีมาก ทั้งกัญชาและเรื่องsex แต่นั้นไม่ใช่จุดประสงค์ของเราคะ อย่างที่เคยบอกไว้ว่าสิ่งที่อยากไปเห็นที่เนเธอร์แลนด์ก็คือประตูที่กั้นน้ำทะเล เพราะประเทศนี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ด้วยความที่คิดไปเองว่ามา Amsterdam ก็คงมีให้ดูมั้งไม่ได้ทำการบ้านไป เลยไปไม่ถึงฝันไม่ได้ดูเพราะไม่รู้มันอยู่ไหน
เอาหละคะหลังจากที่เรานั่งรถไฟเที่ยว 9 โมงเช้าจาก Cologne เราก็มาถึงเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วคะใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ  ด้วยรถไฟความเร็วสูงของเยอรมันที่เรียกว่า ICE หลังจากที่อยู่ในบรรยากาศอึมครึมมาหลายวัน  วันนี้ Amsterdam ก็ต้อนรับเราด้วยแสงแดดคะ (ดีใจฝุดๆคว้ากล้องแทบไม่ทัน) 
ลานจอดจักรยาน, รูปคู่ที่คุณลุงอุสาภ่ายให้, รถไฟ ICE, โรงแรมที่พัก และสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal

ออกจากสถานีรถไฟมาเราก็เจอนี่เลยค่ะที่จอดรถจักรยานเยอะมากจริงๆ แค่อาคารก็เท่ห์แล้ว จุดหมายปลายทางที่แรกก็คือที่พักคะยังเช็คอินไม่ได้ตามเคยแต่ขอเอากระเป๋าไปฝาก ก่อนที่จะออกไปเดินเล่นในเมืองกันคะ ที่นี่มีรถรางทั่วทั้งเมืองค่ะ แนะนำว่าควรจะนั่งเป็นอย่างยิ่งเพราะ Amsterdam นี่ไม่เล็กเลยคะ สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ๆ ก็อยู่กันคนละทิศละทางกระจายทั่วเมือง แต่มารู้ตัวก็ตอนเดินไปซะเยอะแล้ว ตั๋วรถรางหรือรถtram ที่นี่เหมาเป็นวันค่ะ 24 หรือ 48 ชั่วโมงก็แล้วแต่จะเลือก ซื้อได้เลยเวลาขึ้นไปบนรถคะแล้วอย่าลืม validate ตั๋วด้วยนะ แต่เราเลือกที่จะซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆไปค่ะ unlimited ภายใน 1 ชั่วโมง 2.7 euro แทนเพราะหลงเดินไปตั้งเยอะแล้วซื้อแบบ 24 ชั่วโมงก็ไม่คุ้มแล้วก็เลยเลือกแบบนี้ดีกว่า 

เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องเสรีในการใช้กัญชา เพื่อนที่มาด้วยกันเคยบอกก่อนมาว่ากัญชากลิ่นเห็มนมาก ถามว่ากลิ่นเป็นยังไงเพื่อนก็อธิบายไม่ถูก จนมาถึงที่ Amsterdam รู้เลยคะ ว่ากลิ่นกัญชานั้นเป็นยังไง เพราะเดินไปมุมไหนก็มีแต่กลิ่นประหลาดๆน่าปวดหัวมาเตะจมูก จนบางทีทนไม่ไหวต้องหลบเข้าไปในโบสถ์
บรรยกาศใน Amsterdam และ Dam Square

เสน่ห์ของที่นี่ก็คือคลองที่ไหลผ่านเข้ามาในตัวเมืองนี่หละเพราะทำให้มีสะพานสวยๆเยอะเลย จากที่พักเราเดินมาเรื่อยๆจนถึงจัตุรัสกลางเมือง Dam Square ก่อนที่เพื่อนอีกคนจะถูกดูดเข้าไปในร้าน H&M ที่มีป้าย Sale สีแดงๆทั้งร้าน สวนตัวเองก็ยืนถ่ายรูปรออยู่ด้านนอกคะฟ้าเริ่มไม่เป็นใจอีกแล้วครึ้มมาเชียว วันนี้ที่หมายของเราคือ พิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum แต่ไม่ได้จะไปดูอะไรข้างในนะ แค่จะไปถ่ายรูปป้าย I am sterdam เท่านั้นเอง ตอนแรกกะจะเดินไปค่ะ แต่พอดูจากแผนที่แล้วบวกกับระยะทางที่เดินมา ก็เลยลงความเห็นกันว่านั่งรถ tramดีกว่า เดินไม่ไหวแล้ว มาถึงที่หมายแล้วค่ะ แต่สระน้ำที่อยู่หน้าป้ายโดนเปลี่ยนเป็นลานสเก็ทน้ำแข็งไม่แล้วเซรงเลยถ่ายภาพไม่สวยเลย คนเต็มไปหมด เราก็พยายามแทรกตัว รอคิวเข้าไปถ่ายกับป้าย เสร็จสิ้นภาระกิจก็กลับเข้าไปในเมืองค่ะ ก่อนที่จะเดินหลงทางอยู่พักใหญ่เพราะว่าพอเดินไปในทางที่ไม่มีคลองขนาบเราก็เริ่มงงกับแผนที่ ถามทางคนแถวนั้นก็เอิ่มเมาไปซะแล้วคุยไม่รู้เรื่อง จนในที่สุดก็งมกลับมาโผ่ลเส้นทางที่พอจับทิศได้ก็เดินต่อไปได้แล้วคะ

คืนนี้เราจะไปเดินย่าน red light district คะย่านที่มีผู้หญิงในตู้กระจกไฟสีแดงๆ แต่ตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนสังเกตุมาทั้งวันที่นี่ร้านอาหารไทยเยอะมากเราก็เลยเข้าร้านอาหารไทยกัน คนเยอะมากได้รับความนิยมจริงๆอาหารไทยเนี่ย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้พูดภาษาไทยตอนสั่งอาหารดีใจจริงๆ (ปกติเข้าร้านเอเชียต้องให้เพื่อนคนจีนพูดภาษาจีนสั่งให้)เดินย่าน red light district ก็ระวังๆนิดนึง แต่เราก็ไม่เจออะไรน่ากลัวซักเท่าไหร แต่จะมีพวกผู้ชายเดินกันเป็นกลุ่มเยอะแอบน่ากลัว ไม่ได้ถ่ายรูปสาวๆที่ยืนโชว์ในตู้แดงมาเพราะเค้าห้ามถ่ายรูป ก็เปิดหูเปิดตาเดินเล่นซักพักเราก็กลับที่พักคะไม่อยากอยู่ดึกมาก เพราะพรุ่งนี้เราจะไปเมืองที่มีกังหันลมกันคะ ชื่อว่าเมือง Zaanse Schans (อ่านไม่ออก ซาน์ ซคานส์ ...)
อาหารไทย และย่าน Red light district
เช้าวันรุ่งขึ้นเราจะไปเมืองที่มีกังหันลมกันค่ะ ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่ามันอยู่ที่ Amsterdam แต่จริงๆแล้วต้องนั่งรถไฟออกไปนอกเมืองลงที่สถานี Koog-Zaandijk ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคะ แล้วก็เดินต่อจากสถานีรถไฟประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงย่านที่มีกังหันลมตั้งเรียงกันริมน้ำแล้วคะ ตอนออกมาทีแรกเราก็งงว่าจะเดินไปทางไหนแต่ก็ไม่ต้องกลัวคะ เดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปเลยไปที่เดียวกันชัวร์ (เราแอบเดินตามกลุ่มคนจีนไปคะเหอๆ) ระหว่างทางที่เดินหอมกินโกโก้มากเพราะเดินผ่านโรงงานผลิตช๊อกโกแล็ตพอดี เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆคะ เค้าทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เราสามารถเดินชมได้อย่างสะบาย แล้วนอกจากกังหันลมก็มีร้านที่เป็นพิพิธภัณฑ์ ทำชีสแล้วก็รองเท้าไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ 

พึงรู้ว่ากังหันลมที่ตั้งอยู่ริมน้ำใช้ประโยชน์จากแรงลมในการตัดไม้ แต่ถ้าจะเข้าไปชมข้างใต้กังหันลมต้องเสียค่าชมด้วยนะประมาณ 3 ยูโร เราเลยเดินดูรอบๆเฉยๆคะ แวะร้านที่มีรองเท้าไม้ซึ่งในร้านเป็นกึ่งพิพิธภัณฑ์ มีประวัติให้ชมตั้งแต่รองเท้ารุ่นแรกๆ แต่รองเท้าไม้นี่แข็งและหนักจริงๆ 
เครื่องโยกแผนที่, แพะที่อยู่ในฟาร์ม แล้วก็ร้านรองเท้าไม้
 สองวันสุดท้ายที่ Amsterdam ผ่านไปอย่างราบรื่นมาก หลังจากที่ผจญภัยมาสองเมืองก่อนหน้านี้ เรากลับเข้า Amsterdam ในตอนบ่ายเก็บตกจุดที่เหลืออีกนิดหน่อยก่อนจะนั่งรถไฟกลับปารีสในตองหัวค่ำคะ ลากันด้วยภาพแสงไฟยามค่ำคืนที่ Amsterdam แล้วไว้มาตามกันต่อ ประเทศต่อไปอิตาลีคะ


No comments:

Post a Comment